วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ดาบคลั่งโลหิต ตอน10 วางดาบเป็นอรหันต์



                                               วางดาบเป็นอรหันต์



                                    


        การพ่ายแพ้ของเหล่าจอมโจร ส่งผลกระทบต่อการรวม สมาพันธ์แปดทิศ 

สิบสองค่ายโจร บางกลุ่มคิดถอนตัวไป  ในท่ามกลางความชะงักงันนั้น  พลันกระ

บี่ไวต้าไห่ สมุนโจรมือขวาของจอมโจรหัวเหล็ก ได้ร้องสั่งสมุนยี่สิบคน คร่าตัว 

จางเจี้ยนจงและจางจี่ทรวงไว้ ด้วยเล็งเห็นว่าเป็นจุดอ่อน ของโค่วหย่งเทียน ที่

พอจะเกาะกุมได้ ด้วยกลัวว่าโค่วหย่งเทียน จะทำลายแผนการรวมสมาพันธ์โจร

ที่ได้หยุดชะงักไป แล้วกล่าวขึ้นว่า

       
      "  ท่านผู้กล้าหาญ หากท่านขยับ แม้แต่ก้าวเดียว เตรียมรับศพ ภรรยา

 พ่อตาของท่านได้เลย ขอเพียงท่านมิขัดขวางพวกเรา ทุกอย่างล้วนไร้เรื่องราว "


    กระบี่ไวต้าไห่ ร้องขู่โค่วหย่งเทียนพร้อม ทั้งเอากระบี่พาดคอคนทั้งสองไว้

 
       
     เหล่าจอมโจรต่างมิเห็นด้วยกับการกระทำนี้ แต่บางพวกคนกลับเห็นดีกับ


หมากตานี้ของกระบี่ต้าไห่ ฝ่ายโค่วหย่งเทียน คราแรกคาดว่าสยบเหล่าหัวหน้า

โจรลงแล้ว เรื่องคงจบลง ตั้งใจออกจากค่ายโจรในทันที  มิคาดตอนนี้สมุนโจร

ปากมากผู้นี้ จะสร้างความยุ่งยากให้แก่ตนอีก  จึงกล่าวว่า



 " ข้าพเจ้าเองมิคิด จะเกี่ยวข้องเรื่องราวของพวกท่าน  ข้าพเจ้าคิดจากไปทันที  "



    "  นับว่าท่านคิดถูกแล้ว แม้ฝีมือท่านจะสูงส่ง แต่ถ้าหากคนเหล่านี้

มีอันเป็นไปเพราะท่าน คงน่าเสียดาย ลองใคร่ครวญดู  "


    กระบี่ไวต้าไห่กล่าวข่มขู่ต่อโค่วหย่งเทียน  พลันได้ยินเสียงจอมโจรหัวเหล็ก 


ผู้เป็นหัวหน้าร้องตวาดมา หลังจากโคจรพลังจนอาการดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย  


     "  ตัวบัดซบ ต้าไห่เจ้าจงปล่อย สองพ่อลูกนั่นซะ  "

  
    แต่กระบี่ไวต้าไห่หาได้มีท่าทีแยแส  จอมโจรหัวเหล็กไม่  กลับวางท่าราวกับมิ


เห็นหัวหน้าค่ายโจรของตนอยู่ในสายตา ซ้ำยังคงกล่าวต่อไปอีกว่า 


     " ท่านหัวหน้าท่านมิต้องรีบร้อน  ท่านทั้งหลายจงฟังการรวม

 สมาพันธ์จะต้องมีต่อไป "  หยูดเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อไปว่า   


  "  และทุกท่านต้องรับรองให้ข้าต้าไห่ เป็นประมุขสมาพันธ์  ฮ่า ฮ่า "

 
   "  เฮอะ  ลูกเต่าอย่างเจ้าอาศัยสิ่งไร มากล่าววาจานี้  "   ดาบใหญ่ตรีทูต


 แค่นเสียงอย่างเดือดดาล แต่แล้วก็ทรุดฮวบลง  บริเวณลานพยัคฆ์ พลันถูก

ปรกคลุมด้วยหมอกควัน ทุกผู้คนต่างรู้สึกมึนงงร่ายส่ายโงนเงน ไร้สิ้นเรี่ยวแรง

ทุรดฮวบลงทุกตัวคน  แต่กระบี่ไวต้าไห่และสมุนทั้งยี่สิบกลับมิเป็นอย่างใด 


 ควัน..ควันพิษฟ้าอบอวล เสียงของฝ่ามือมหากาฬดังขึ้นแล้วทรุดลงอีกผู้หนึ่ง


   " เจ้าคนทรยศ  นึกมิถึงว่าเจ้าจะเป็นคนของนิกายฟ้าเอกกะ  "  จอมโจรหัว

เหล็ก แค่นเสียงกล่าวอย่่างยากลำบาก ด้วยความคับแค้นใจ ที่ตนมองคนผิด
ไป รับไส้ศึกเข้าบ้านมาเนิ่นนานปี


   
 "  ถูกต้องข้าเป็นคนของนิกายฟ้าเอกกะ  " กระบี่ไวต้าไห่ยอมรับ ใบหน้าระรื่น 


ด้วยท่าทีลำพอง เมื่อหกปีก่อนกระบี่ไวต้าไห่ เป็นผู้หนึ่งที่ถูกส่งมาเพื่อรอคอย

โอกาส รวบบรรดาค่ายโจรทั้งหมดให้ตกอยู่ ในร่มเงาของนิกายฟ้าเอกกะ ได้

แฝงตัวจากเป็นสมุนโจร ไต่เต้าจนเป็นถึงรองหัวหน้าค่ายพยัคฆ์ขาว ตามแผน

การยึดครองขุมกำลังต่างต่าง จนถึงการครอบครองบู๊ลิ้ม ของเจ้านิกายฟ้าเอกกะ  

  
    ครั้งนี้นับว่าสบโอกาส มองเห็นความสำเร็จอยู่แค่เอื้อม  ภายในใจนึกกระหยิ่ม


ยิ้มย่อง ด้วยความที่กระบี่ไวต้าไห่ มั่นใจในควันพิษฟ้าอบอวลของนิกายตน และ

มั่นใจตนเองมากเกินไป ว่ามิมีใครต้านได้  จึงมองข้ามคนผู้หนึ่งไป นั่นคือบุรุษที่

ถือดาบตัดสายฟ้า ที่มิได้รับผลใดจากควันพิษ  ด้วยมีพลังเทพอสนิบาต  เพียงแต่

ตอนนี้แสร้งทำเป็นได้รับพิษ ใช้ฝักดาบยันพื้น ท่าทีเหมือนจะทรงกายมิอยู่ 


     กระบี่ไวต้าไห่และสมุนเมื่อเห็น บุรุษหนุ่มผู้มีฝีมือสูงส่งประดุจเทเพเซียน ยังมิ


อาจรอดพ้นจากควันพิษได้ จึงส่งเสียงหัวเราะอย่างลำพอง คลายการระวังจากสอง

พ่อลูกแซ่จาง


        พลันบังเกิดประกายวิชุแลบขึ้นคราหนึ่ง เสียงหัวเราะมิทันจางหาย ศรีษะของ


กระบี่ไวต้าไห่และสมุนทั้งยี่สิบก็ขาดกระเด็น ไปคนละทิศทาง โลหิตกระซ่านเซ็น

บนพื้นหิมะจนแดงฉาน ได้ยินเพียงเสียงสอดดาบเข้าฝักเพียงแผ่วเบา ของโค่วหย่ง

เทียน ที่ยืนใบหน้าเคร่งเครียด    


     ภาพจางจี่ทรวงโดนคร่าคุมตัวโดยมีกระบี่พาดคอ นับว่าเป็นภาพที่ทำให้โค่วหย่ง


เทียน ตื่นตระหนก และเดือดดาล  รู้สึกชิงชังกระบี่ไวต้าไห่และสมุนทั้งยี่สิบเหล่านี้

เป็นอันมาก  ยิ่งใช้พิษทำร้ายผู้คน ยิ่งเดิอดดาลคลั่งแค้นมากขึ้น ยิ่งมองเห็นนางผู้

เป็นดวงใจถูกพิษ เพลิงอำมหิตใคร่สังหารผุดวูบขึ้น แต่ตนมิอาจวู่วาม  จึงแสร้งเป็น

ว่ารับพิษเพื่อให้กระบี่ไวต้าไห่และพวกชะล่าใจ เพื่อรอโอกาสลงมือ นับเป็นครั้งแรก

ที่โค่วหย่งเทียนฆ่าคน ฆ่าด้วยอารมณ์โกรษแค้น ดุร้าย ประดุจดั่งจงอางหวงไข่ ปก

ป้องภัยจากผู้ที่จะมาทำลายดวงใจตน  แต่เมื่อมองดูซากศพที่มิมีศรีษะ เหล่านั้น 


ต้องทอดถอนใจ  คนเหล่านี้ล้วนสมควรตาย โค่วหย่งเทียนย้ำปลุกปลอบใจตน


    เหตุการณ์นี้สร้างความสะเทือนขวัญแก่ทุกผู้คน เหล่าจอมโจรต่างสยิวกาย เมื่อ


เห็นการลงมือที่รวดเร็วรวบรัดเด็ดขาด  บางคนถึงกลับมองมิออกว่าบุรุษหนุ่ม ผู้นี้

ลงมือเช่นไร  หากแม้นบุรุษหนุ่มผู้นี้ลงมือกับพวกตนเช่นนี้  มิอาจคาดเดาว่าพวก

ตนจะมีสภาพเป็นเช่นไร คงมิต่างจากซากศพเหล่านี้ เป็นแน่แท้ นึกแล้วต้องลอบ

ละอายใจ  ที่ผู้อื่นอ่อนข้อให้  พวกตนกลับมองมิเห็น   ชีวิตพวกตนตอนนี้นับว่า

ก้าวขาเข้าสู่แดนปรโลกแล้วข้างหนึ่ง แม้มิตายด้วยพิษร้าย เพียงแค่บุรุษหนุ่มผู้นี้


ยกมือพวกตนคงจบสิ้นแล้ว  


     โค่วหย่งเทียนรีบเข้าไปประคองจางจี่ทรวงและบิดา ถ่ายเทพลังลมปราณ ระงับ


พิษร้ายทันที  แต่ก็เพียงยับยั้งได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง  จางจี่งทรวงโผเข้ากอดบุรุษอัน

เป็นที่รักของนาง ด้วยน้ำตานองใบหน้า ปีติยินดีที่ตนได้มีโอกาสพบหน้ากันอีกครา

หนึ่ง เนื่องจากการต่อสู้หลายครั้ง แทบคร่าชีวิตของบุรุษอันเป็นที่รักของนางไป  
  
       


              "   อามิตรพุทธ  .."  


      เสียงหนึ่งแ่่่ว่วมา ร่างก็บรรลุถึง  นับว่าผู้มาเป็นผู้มีพลังฝีมือลึกล้ำ จนทุกผู้


คนต่างเหลียวมอง โค่วหย่งเทียนตื่นตัวจนต้องเร้าพลังขึ้น แต่เมื่อมองเห็นผู้มา 

เป็นหลวงจีนชรารูปหนึ่ง ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยเมตตา ดุจผู้ไร้ซึ่งกิเลส  ชวนให้ผู้

คนนับถือ จึงคลายใจลง  ครั้นแล้วหลวงจีนชราจึงเอ่ยว่า  


           "   อาตมาผ่านมาแถวนี้  บังเอิญเห็นปรากฏการณ์ประหลาด

 อสนิบาตแลบแปลบปลาบ  จึงเข้ามาชมดู อามิตรพุทธ   "    


     หลวงจีนชรากล่าวจบก็ประนมมือกล่าวอามิตรพุทธ  เมื่อโค้วได้ฟัง รู้สึกคล้าย


กลับว่า หลวงจีนชราผู้นี้กล่าวกับตนเพียงผู้เดียว โค่วหย่งเทียนจึงเล่าเรื่องราวทั้ง

หมดต่อหลวงจีนชรา ครั้นแล้วหลวงจีนชรา จึงบอกให้โค่วหย่งเทียนไปตักน้ำจาก

บึงมังกร ใส่ถังขนาดใหญ่มา  

      โค่วหย่งเทียนรีบร้อนช่วยคน จึงใช้วิชาตัวเบาขั้นสูงสะกิดเท้าร่างก็เลือนหายวับ

ราวปาฏิหารย์  ผู้คนพากันตกตะลึงต่อวิชาตัวเบาอันเลิศล้ำ  เหล่าจอมโจรต่าง กลืน

น้ำลายดังเอื้อกลงคอ ทอดถอนใจ สำนึกตนว่ายังห่างไกลกับบุรุษหนุ่มผู้นี้นัก 

    หลวงจีนชรากวาดตามองเหล่าจอมโจร ดังเหมือนจะรู้วาระจิต  ต้องยิ้มขึ้นคราหนึ่ง

ถอนใจเช่นกัน เป็นการถอนใจ ปลงตกต่อการทะยานอยาก อย่างมิรู้สิ้นของมนุษย์  


      ขณะที่หลวงจีนชรากำลังจะนั่งลง  โค่วหย่งเทียนพลันปรากฏกายสองมือขับ


เคลื่อนถังขนาดใหญ่ทั้งแปด ที่บรรจุน้ำเต็มเปี่ยมทุกใบ ลอยมาอย่างรวดเร็ว วางเรียง

รายอยู่เบื้องหน้าหลวงจีนชรา โดยมิมีท่าทีว่าเหนื่อยอ่อน เหมือนกับมิได้ใช้กำลัง

แม้แต่น้อย  เหล่าจอมโจรต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก  ต่างสงสัยว่าบุรุษผู้นี้  ดูเหมือน

กับว่ามีพลังมากมายที่ ใช้มิวันหมดสิ้นเกินผู้คน  นับว่าน่าอัศจรรย์

   หลวงจีนชราล้วงหยิบเอาห่อผ้า  ออกมาจากแขนจีวรห่อหนึ่ง  แล้วสาดผงที่อยู


ในห่อผ้านั้น ลงไปในถังน้ำทั้งแปด เมื่อผงละลายน้ำกลายเป็นสีแดงจางจาง พลาง

กล่าวกับโค่วหย่งเทียนว่า

    
       
         " วิชาตัวและเบาพลังวัตร ของท่านประสกน้อยนับว่าสูงส่งมาก  


คาดว่าท่านคงสำเร็จวิชาเทพอสนิบาตแล้วกระมัง   "  


      คำกล่าวของหลวงจีนชรานับว่าสร้างความ ตระหนกแก่โค่วหย่งเทียน ที่หลวง


จีนชรา แค่พบเจอเพียงครู่ ก็ล่วงรู้ถึงวิชา  แต่ผู้ที่ตื่นตระหนกยิ่งกว่า ย่อมเป็นเหล่า

จอมโจร  ทุกผู้คนต่างลอบคร่ำครวญในใจ หากรู้เช่นนี้ พวกตนคงมิไปตอแย ทราบ

ว่าล่วงเกินยอดคนในแดนดินเข้าแล้ว โดยเฉพาะจอมโจรหัวเหล็ก ถึงกลับเหงื่อไหล

โทรมกายมิหยุดยั้ง  หากรู้เช่นนี้ตนคงมิไปตอแยผู้อื่นแล้ว



     หลังจากที่ทุกผู้คนได้ดื่มน้ำ ในถังต่างหายดี พิษร้ายได้ถูกฤทธิยาขับไปหมดสิ้น   


ทุกผู้คนมิว่าเหล่าโจรหรือเชลย  ต่างคำนับขอบคุณหลวงจีนชรา ผู้เปี่ยมไปด้วยเมต

ตาผู้นี้   จากนั้นหลวงจีนชราจึงกล่าวขึ้นว่า

        
          " เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในโลกหล้า สืบเนื่อง

มาจากกิเลสในใจของผู้คน " หยุดเล็กน้อยแล้วกล่าวขึ้น


  " การที่ท่านเป็นโจรปล้นชิงทรัพย์เขา ก็ได้ชื่อว่าปล้นเพียงทรัพย์สินเขา

    การที่ท่านปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ ย่อมได้ชื่อว่า ปล้นชิงทุกสิ่งไปจากเขา 
    เมื่อมิมีชีวิต ทุกสิ่งย่อมไร้ความหมาย  ท่านก็รักชีวิตของท่านผู้อื่นก็ดุจ
    เดียวกัน ย่อมรักชีวิตของเขา การที่พวกท่านเป็นโจร ย่อมอยู่อย่างหวาด
    หวั่นระแวง มักฝันร้ายผวาตื่นยามค่ำคืน  ถูกทางการตามล่า  ขอให้ทุก
    ท่านใคร่ครวญดูเถิด วางดาบเป็นอรหันต์  กลับใจทำความดี มิมีคำว่า
    สาย   อามิตพุทธ   "



         เมื่อได้ฟังคำกล่าวของหลวงจีนชรา  ทุกผู้คนต่างย้อนครุ่นคิด เรื่องราวทั้ง


หมดที่ตนเคยกระทำมา ล้วนถูกบ้าง ผิดบ้าง ดีเลวบ้างปะปนไป สืบเนื่องมาจาก 

กิเลสในใจอันมี โลภ โกรษ หลง เป็นเง้ามูลทั้งสิ้น ทั้งหมดต่างเห็นจริงตามนั้น

หลวงจีนชรา ได้หันหน้ากล่าว กับเหล่าจอมโจร ว่า


     "  ท่านหัวหน้าทั้งหลาย  พวกท่านจะทำฉันใด ต่อไป  "


     บัณฑิตสองหน้าอวี้เหวินกวนซี ประสานสายตากับเหล่าจอมโจร  แล้วมองไป


รอบบริเวณลานพยัคฆ์ขาว  มองไปที่โค่วหย่งเทียน แล้วมาหยุดที่หลวงจีนชรา 

กล่าวขึ้นว่า  

             
      "  เรียนไต้ซือ เดิมทีพวกเราตั้งใจก่อตั้งสมาพันธ์แปดทิศ สิบสองค่ายโจร

         แต่ในบรรดาพวกเราทั้งหมด  มิมีใครมีคุณสมบัติ พอที่จะเป็นประมุขสมา
         พันธ์ได้ ทั้งเคยตั้งกฏไว้ใครชนะการประลอง คนนั้นจะได้เป็นประมุขสมา
         พันธ์  บัดนี้พวกเราได้พ่ายแพ้ต่อ คุณชายโค่ว และสำนึกตัวว่ามิอาจทัด
         เทียม  จึงจะขอมอบ ตำแหน่งประมุขสมาพันธ์แปดทิศ สิบสองค่ายโจร 

         ให้แก่คุณชายโค่ว   "


       
        คำกล่าวของจอมโจร ทำให้โค่วหย่งเทียนถึงกับตื่นตระหนกใจนิ่งอึ้ง ครุ่น


คิดขึ้น นี่เราจะกลายเป็นหัวหน้าเหล่ามหาโจรได้อย่างไรเล่า  จึงกล่าวขึ้นว่า
  
  
        "   เรื่องข้าพเจ้ามิกล้ารับ  ด้วยเป็นเรื่องที่พวกท่านตกลง กันเอง   "
     
 
       ฝ่ายขุนโจรได้ฟังต่างเงียบงัน มิทราบจะทำประการใด ด้วยคิดว่าโค่วหย่ง


เทียนคงรังเกียจ จอมโจรเช่นพวกตน  พลันหลวงจีนชราจึงเอ่ยขึ้นว่า

   
            "  อามิตรพุทธ ถ้าประสกโค่วรับตำแต่ง ประมุขสมาพันธ์

 ย่อมมีอำนาจสั่งพวกท่านได้ หรือไม่  "


     เมื่อหลวงจีนชราเอ่ยขึ้นผู้คนต่างสงสัย ฝ่ายพวกขุนโจรต่างใจชื้นขึ้นมา ด้วย


รู้สึกถึงน้ำเสียงหลวงจีนชรา บ่งบอกว่าอาจทำให้โค่วหย่งเทียน ยอมรับตำแหน่ง 

ประมุขสมาพันธ์ของพวกตนได้  


     " เมื่อเป็นประมุขแล้วย่อมสั่งให้พวกเรา บุกน้ำลุยไฟ ขึ้นเขาลงห้วยได้  " 

 นักพรตกระบี่เต่าดำกล่าวขึ้น


     เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลวงจีนชรา พยักหน้า อืม.. แล้วนิ่งไป  จากนั้นหลวงจีนชรา


กล่าวกับโค่วหย่งเทียน ด้วยพลังภายในให้ได้ยินกันเพียงสองคน  ตนและบุรุษหนุ่ม      

 
         " อามิตรพุทธ.. อาตมา  อยากให้ประสกรับตำแหน่ง ประมุขสพันธ์นี้   "


         "  ไฉนเป็นเช่นนั้นเล่าไต้ซือ คนเหล่านี้ล้วนเป็นโจรร้าย ข้าพเจ้า.."  โค้วหย่ง

เทียน กล่าวตอบด้วยความฉงน


    "  เพราะคนเหล่านี้เป็นโจรร้าย หากินในทางมิจฉาชีพ รวมกันแล้วมีจำนวนหลาย

       พันคน  ถ้าประสกได้เป็นประมุข ด้วยคุณธรรมที่ดาบจอมภพ อบรมสั่งสอนมา   
       ย่อมนำพา พวกเขาไปสู่ที่สว่างได้ ทางหนึ่งเป็นการช่วยเหลือ เหล่าราษฏรสัม
       มาอาชีพ ทั้งช่วยเหลือชีวิตคนดีได้มากมาย  นับว่าเป็นมหากุศลยิ่ง  "


      "  ถ้าเป็นเช่นนั้นผู้เยาว์คงมิมีทางเลือก  "  โค่วหย่งกล่าวรับคำหลวงจีนชรา 


         "  อามิตรพุธ  "



      เหล่าขุนโจนและทุกผู้คนเหมือนจะล่วงรู้ว่า ทั้งสองได้สนทนากัน ด้วยบางครั้งสี


หน้าโค่วหย่งเทียน ถึงกลับเคร่งเครียด  ทุกผู้คนต่างนิ่งเงียบ รอคอยคำตอบจากบุรุษ

หนุ่ม


  

   
      "  ข้าพเจ้ารับปากเป็นประมุขสมาพันธ์ของพวกท่าน   

แต่มีข้อแม้พวกท่านต้องเลิกเป็นโจร   "


        เสียงของโค้วหย่งเทียนดังขึ้น ทำลายความเงียบงัน  




          

     "  ถ้าเป็นคำสั่งของท่านประมุข พวกเราล้วนน้อมรับบัญชา  "   เสียงนักพรต

กระบี่เต่าดำกล่าวขึ้น


   พอสิ้นเสียงนักพรตกระบี่เต่าดำ เสียงโห่ร้องด้วยความยินดี ดังสนั่นของเชลย


และเหล่าโจร ไปทั่วลานพยัคฆ์ขาว  






                           มิมีคำว่าสาย สำหรับผู้มีความตั้งใจจะกลับตนเป็นคนดี

                                               วางดาบเป็นอรหันต์

                                      

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น