วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ดาบคลั่งโลหิต ตอน6 สัประยุทธ์12จอมโจร




                                สัประยุทธ์ 12 จอมโจร








                  
     กลางเวทีประลองขนาดใหญ่  ทวนคู่สยบฟ้าซ่งหลัน หัวหน้าโจรแห่งค่าย 

มังกรสยบฟ้า ยืนหลังตรงตั้งท่าเพลงทวน ตลอดทั้งร่างคล้ายทวนอันแหลมคม

ด้านตรงข้ามเป็นหัวหน้าค่ายมังกรชี้ฟ้า บัณทิตสองหน้า อวี้เหวินกวนซี ยืนประ

จัญหน้า โดยไร้กระบวนท่า ดูหนักแน่นมั่นคงดั่งขุนเขา สร้างสภาวะกดดัน แก่ 

ทวนคู่สยบฟ้า จนต้องเร้าพลังขึ้นอีกหลายส่วน ค่อยพ้นจากสภาวะนั้นอันหนัก

หน่วงนั้น  เห็นรอยยิ้มที่มุมปากของบัณทิตสองหน้า ทวนคู่สยบฟ้าจึงกระชับ

ทวนคู่เร่งเร้าพลัง เข้าสู่ปลายทวนถึงสิบส่วน เสียงทวนยามกวัดแกว่งกรีดอา

กาศ คล้ายเสียงหวีดร้องแห่งความตาย  

      แต่แล้วพลันที่ด้านข้างเวที มีสมุนโจรกลุ่มหนึ่ง หามร่างคนสองคน แหวก


ผู้คนเข้ามา แล้วกล่าวร้องขึ้นอย่างรีบเร่งว่า 


   "  ท่านรอง ซ่งอู่ กับท่านรอง ฝูเค่อ ถูกคนทำร้าย บาดเจ็บสาหัส "   


 พอกล่าวจบ ก็วางร่างของคนทั้งสองลง ผู้คนต่างห้อมล้อมมุงดูอย่างตื่นเต้น


      ทวนสยบฟ้าเมื่อเห็นดังนั้น จึงรีบประสานมือกล่าวขึ้น


   "  ท่านอวี้เหวิน ข้าพเจ้าขอตัวสักครู่   "

 กล่าวจบก็กระโดดลงจากเวที เข้าดูผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นรองหัวหน้าค่ายตน 


 ทั้งยังเป็น น้องชายต่างมารดาของตน นามทวนคู่สายลม ซ่งอู่  


    " ซ่งอู่ใครกันทำร้ายเจ้า ถึงขนาดนี้ " ทวนคู่สยบฟ้า แค่นเสียงกล่าว


ด้วยความเดือดดาลเมื่อให้เห็นสภาพของ ทวนคู่สายลมซ่งอู่ และกระบี่

งูเขียว ฝูเค่อ ที่มือขวาถูกตัดขาด ดวงตาข้างขวาปิดสนิท มีคราบโลหิต

เกาะเกรอะกรัง ดุจเดียวกัน  ทวนคู่สายลม ซู่อู่ หมายขยับปากหมายเอ่ย

วาจา แต่กลับมิมีเสียงใดเปล่งออกมา   ฝ่ามือมหากาฬ จึงกล่าวขึ้นว่า 

   
            "  ดูท่า รองหัวหน้าซ่งอู่ คงโดนจี้สกัดจุดภายใน มี

  อาการเช่นเดียวกัน กับรองหัวหน้าฝู   "

      

        ทวนคู่สยบฟ้า หมายคลายจุด แต่ฝ่ามือมหากาฬชิงห้ามไว้  

 
 "  เดี๋ยวก่อนท่านหัวหน้าซ่ง ที่คอของรองหัวหน้าทั้งสองมีเส้นสีเขียวคล้ำ

     นี่มิใช่การจี้สกัดจุดธรรมดา การจี้สกัดจุดนี้ เป็นวิชาเร้นลับในอดีต ดูผิว
     เผินเหมือน การจี้สกัดจุดธรรมดา หากท่านคลายจุดเมื่อใด   โลหิตจะ
     ไหลย้อนทวน ออกมาจากบาดแผล จนแห้งเหือดตายอย่างทรมาน  "
 

   เหล่าโจรต่างรู้สึกเหน็บหนาว นึกมิถึงจะมีวิชาจี้จุด ที่โหดเหี้ยมอำมหิต


   เช่นนี้อยู่  จอมโจรหัวเหล็ก หันมากล่าวถามกับบรรดาสมุนโจรของตน


      "  เรื่องราวเป็นเช่นใดกัน พวกเจ้าจงเล่ามา  "    
       


      สมุนโจรผู้เห็นเหตุการณ์  เอ่ยปากจึงเล่าขึ้นว่า

   
    "  เดิมทีบ่าว กับอาจง และอาเฉา  เราสามคนเฝ้าเชลยที่บึงมังกร  "   


         " เรามิต้องการฟังว่าพวกเจ้า ไปทำอะไรที่ใด  อย่าได้เยิ่นเย้อ

  จงรีบบอกมา ผู้ใดทำร้ายน้องเรา  " 

    กระบี่จงอาง กล่าวขึ้นด้วยความฉุนเฉียว จนสมุนโจรตื่นกลัวลนลาน 
           

   "  ท่านพี่ฝู โปรดรอฟังมันเล่าสักครู่  "  จอมโจรหัวเหล็กกล่าวขึ้นแล้ว

หันไปกล่าวกับสมุนตัวเอง 


       "  เจ้าจงรีบเล่ามา อย่าได้กล่าววาจา พร่ำเพ้อเหลวไหล 

  หัวหน้าทุกท่านต่างรอฟังเจ้าอยู่   "


  สมุนโจรผู้นั้นเมื่อระงับความลนลาน รีบเล่าขึ้น


     "  ท่านรองฝู กับท่านรองซ่ง เมาสุรา แล้วคิดจะไปแช่น้ำในบึงมังกร

        ตอนนั้นมีเชลย บุรุษสตรีคู่หนึ่ง อยู่ในบึงมังกร  ท่านรองทั้งสองเกิด
        พอใจในสตรี ที่งดงามนางนั้น จะหมายเข้าลวนลามนาง "


     ทุกผู้คนต่างรู้ถึงกิติศัพท์ของ ทวนคู่สายลมซ่งอู่ และกระบี่งูเขียวฝูเค่อ 


ดีว่าทั้งสองล้วนเป็นปีศาจราคะ ลุ่มหลงในอิสตรี ทรัพย์สินเงินทองทั้งสอง

ต่างมิไยดี สิ่งที่สนใจมีเพียงสิ่งเดียวคือสตรีและสตรี 


       " จากนั้นบุรุษผู้หนึ่งดูเหมือนจะเป็นสามีนาง ได้ขัดขวางไว้ ท่านรอง

         ทั้งสอง จึงลงมือแก่บุรุษคนนั้น แต่บุรุษผู้นั้นก็หาได้ตอบโต้ไม่ เอา
         แต่หลบหนีถ่ายเดียว  ท่านรองทั้งสองเห็นว่าทำอะไร บุรุษผู้นั้นมิได้
         จึงได้หันไปหา สตรีนางนั้นแทน  ขณะกำลังจะคว้า
ตัวนาง  มือทั้ง
         สองของท่าน ก็ขาดกระเด็นไป ดวงตาก็มีโลหิต หลั่งไหลออกมา 
         บริวารมิทราบว่า บุรุษผู้นั้นลงมืออย่างไร "

 
      สมุนโจรผู้นั้นร่ายยาวรวดเดียวจนจบ หากตนขืนเล่าช้ามีหวังโดนโทสะ


ของผู้เป็นนายเป็นแน่แท้ เมื่อทุกคนฟังจบ ต่างยืนนิ่งเงียบงัน ภายในใจครุ่น

คิดไปต่างๆนานา ใครกันที่สามารถโ ค่นรองหัวหน้าค่ายโจรอันเกรียงไกร   

อย่างทวนคู่ลมกรด และกระบี่งูเขียว ได้ภายในกระบวนท่าเดียว นับว่า ยาก

แก่การเชื่อถือ ของผู้คน   เพราะแม้แต่ทหารหลวง นับร้อยยังมิอาจ คร่าตัว

ทั้งสองรองหัวหน้าค่ายได้     

  สายตาทุกคู่จึงจับจ้องมาที่ จอมโจรหัวเหล็ก ซึ่งยืนหน้านิ่วคิ้วขมวด ด้วย

เกิดเรื่องขึ้นที่ค่ายพยัคฆ์ขาว จึงไม่อาจปัดความรับผิดชอบ ในครั้งนี้ไปได้ 

   
 
                 "  คนผู้นั้นเป็นใครกัน ท่านหัวหน้า ทิ   "  

           เสียงของทวนคู่สยบฟ้าและ กระบี่จงอาง กล่าวขึ้นพร้อมกัน

 
         " ข้าพเจ้าก็มิทราบ   คนของข้าพเจ้าเพิ่งจับตัวได้เมื่อ สามสี่ชั่วยาม

นี้เอง ความเป็นมายังมิกระจ่างชัด ข้าพเจ้าจึงคุมขังไว้ก่อน  "


 
 " มันเป็นใครมิต้องกล่าว  ตอนนี้มันผู้นั้นอยู่ที่ใด " บัณทิตสองหน้ากล่าวขึ้น  



  " ตอนนี้มันผู้นั้นอยู่ที่เรือนขังนักโทษ ข้าพเจ้าแอบตามหลังมันไป " สมุน

โจรนามอาเฉากล่าวขึ้น


   
  
    ทวนคู่สายลมและกระบี่งูเขียว ทั้งสองต่างมีรสนิยมในทางเดียวกัน จึงสบ


อัธยาศัย ชักชวนกันดื่มสุราเคล้านารี ยามนั้นได้ยินสมุนโจร ในค่ายพยัคฆ์ขาว

คุยกันว่า เพิ่งจับเชลย สตรีสะคราญโฉมราวเทพธิดาผู้หนึ่ง บัดนี้อยู่ที่บึงมังกร  

สร้างความยินดี แก่รองหัวหน้าโจรทั้งสองเป็นยิ่ง เพียงมองตาก็รู้ใจ ต่างรีบทะ

ทะยานไปโดยไว เมื่อถึงบึงมังกร ทั้งสองต่างต้อง ตกตะลึงในความงดงาม ของ

จางจี่ทรวง ดุจเทพธิดาเล่นน้ำในสระสวรรค์ ก่อเกิดเพลิงราคะจนถึงขีดสุด สอง

จอมโจร ดวงลุกโชนหื่นกระหาย เพียงสบตากันแล้วหัวเราะร่า แล้วกระโจนลง

ไปในบึงมังกร    

     แต่พลันรู้สึกถึง พลังกดดันที่ด้านหลัง จำต้องมองกลับมาด้วยสัญชาตญาณ


เห็นบุรุษผู้หนึ่งยืนถมึงทึง จ้องมองมายังพวกตนอยู่ จนต้องสะท้าน แต่ด้วยฤทธิ

เพลิงราคะที่เผาผลาญ จิตใจ  ทั้งสองจึงตวาดออกไป  

 
       " เจ้าลูกเต่าบังอาจ จ้องมองบิดา  " กระบี่งูเขียวร้องกล่าวด้วยโทสะ เมื่อมี

ผู้มาขัดจังหวะตน

       
      "  สงสัยยังมิเคยตาย  เดี๋ยวบิดาสงเคราะห์ให้  "  


      ทวนคู่ลมกรด ร้องเสริมข่มขู่คุกคามบุรุุษหนุ่ม


         ฝ่ายโค่วหย่งเทียน  คราแรกกำลังตั้งใจฟัง คำสนทนาของเหล่าสมุนโจร 


แต่พลันรับรู้ถึงการมาของบุคคลสองคน  เพียงแค่รับรู้ ตัวก็บรรลุถึง  นับว่าผู้มา 

มีวิชาตัวเบาสูงส่ง  พร้อมกันนั้นได้ยินเสียงกรีดร้อง ตกใจของจางจี่ทรวง จึงเร้า

พลังคุกคามผู้มาทั้งสอง จนต้องหยุดชะงักไป เมื่อได้ยินเสียงแผดด่าจึงกล่าวขึ้น

  
   " ช้าก่อนท่านทั้งสอง  มิควรที่เสียมารยาท เมื่อมีสตรีแช่น้ำอยู่ก่อนแล้ว  "


         
   "  ฮ่า ฮ่า มารยาทของบิดา คือการกอดประคอง ด้วยมือและแขน ฮ่า ฮ่า  "

                                กระบี่งูเขียวหัวเราะกล่าวตอบ

 
    " อีกอย่าง เราอยากแช่น้ำให้ชุ่มปอด เจ้าอย่าพูดมากจงไสหัวไป " ทวนคู่

สายลมกล่าวเสิม
       

  โค้วหย่งเทียนได้ยินดังนั้น โทสะ พลุ่งพล่าน แต่คำกล่าวของอาจารย์ ก็ผุด


ขึ้นมา  

     "  หย่งเทียน เจ้าจงพยายามระงับความโกรษ เพราะความโกรษ
 มักก่อความพินาศ ติดตามมา  " จำต้องอดกลั้นกล้ำกลืนไว้ แล้วกล่าวตอบว่า


         " เช่นนั้นท่านทั้งสอง จงรอสักครู่ ข้าพเจ้าจะนำพาฮูหยินข้าพเจ้า

จากไปก่อน ท่านทั้งสองค่อยลงแช่น้ำ  "


       
       "  บัดซบ  บิดาจะแช่น้ำกับภรรยาเจ้า มิปัญหาหรือไม่  "   กระบี่งูเขียว

 ตวาดเสียงกล่าวขึ้น อย่างขัดเคือง


" บิดาเตือนเจ้าอีกครั้ง หากยังมิอยากตายจงรีบ ไสหัวไปให้พ้นสายตาเรา  "

          

    ทวนคู่ลมกรด ร้องกล่าวเสริม พร้อมใช้สายตาอันหื่นกระหาย จับจ้องมอง

ไปยัง ร่างอันขาวเนียนดุจหยกบริสุทธิของจางจี่ทรวง  ซึ่งบัดนี้นางได้ตัวสั่น 

ด้วยความกลัว  ทวนคู่สายลมเหมือนจะนึกสิ่งใดได้ จึงหันไปกล่าวกับกระบี่

งูเขียวว่า 

  
    "  ท่านพี่ฝู  สตรีนางนี้ จะให้ผู้ใดก่อนหลังดีเล่า   "   


        " จริงของท่าน ถ้าใครตัดแขนควักนัยตา เจ้าหนุ่มหน้าอ่อนนี้ก่อน

 ได้เชยชมนางงามก่อน ท่านว่าดีหรือไม่ "

ทวนคู่ลมกรดกล่าวตอบพร้อมเสนอ วิธีการชิงชัย เพื่อให้ได้หญิงงามตรงหน้า 


 "  วิธีนี้ประเสริญนัก ทางหนึ่งฆ่าสามี ชิงภรรยา นับว่าสบใจผู้น้องนัก ฮ่าฮ่า "


  
     ได้ยินเสียงร้อง " เพ้ย "ดังมาของจางจี่ทรวง นับตั้งแต่เห็นชายทั้งสอง


ที่มีหน้าตาดุดันเหี้ยมโหด นางก็รู้สึกหวาดหวั่น  แต่เมื่อได้ยินว่าจะเอาชีวิต

ของชายคนรักนาง มาเป็นเครื่องเล่นในการแย่งชิง ด้วยความเป็นห่วงคนรัก

ทำให้นางลืมความกลัวจนกลายเป็นโทสะ ร้องว่ากล่าวโจรทั้งสองไป

  
       "  พวกท่านช่างชั่วช้า นัก  "
  


        "  ฮั่นแน่ ปากกล้า ถูกใจเรานัก รอแปบเดียว เดี๋ยวเราสอง

ค่อยใกล้ชิดสนิทสนมกัน  ฮ่า ฮ่า "  

     กระบี่งูเขียวกล่าวพลางยักคิ้ว
หลิ่วตา แล้วทะยานขึ้นจากบึงทันที เมื่อ

เห็นทวนคู่ลมกรด ถือทวนทะยานเข้าหาบุรุษหนุ่มก่อนตน ทั้งสองโจรต่าง

เป็นผู้มีวิชาตัวเบาอันรวดเร็ว  กระบี่งูเขียวสบัดกระบี่ทิ่มแทงฟันในคราเดียว

หมายเผด็จศึก ชิงชัยได้ตัวสาวงาม ภายในกระบวนท่าเดียว ฝ่ายทวนคู่สาย


ลมสบัดทวนรวดเร็วปานลมกรด พุ่งใส่โค้วหย่งเทียน หมายกำชัยชนะก่อน 



      เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ  ของจางจี่ทรวงที่เห็นโจรทั้งสอง ควงอาวุธ

อย่างรวดเร็วรุกไล่ เข้าทำร้ายใช้ชายคนรัก  เห็นแน่ชัดว่ากระบี่และทวนได้ทะลุ

ร่างเข้าไปแล้ว  นางแทบสิ้นสติ ยกมือปิดหน้าร่ำร้องไห้ ท่ามกลางเสียงหัวเราะ

ของสองจอมโจร เมื่อเห็นว่าอาวุธคู่มือตนได้ เข้าสู่เป้าหมายแทบพร้อมกัน มิ

ทราบว่า ทวนคู่นี้ดื่มโลหิตมามากมายเท่าใด  ส่วนกระบี่งูเขียวก็ปลิดชีพส่งวิญ

ญาณผู้คน ไปเมืองปีศาจมานับมิถ้วนเช่นกัน  

         
     แต่ทั้งสองโจรจำต้อง ชะงักเสียงหัวเราะ  เมื่อรู้สึกถึงความว่างเปล่า ทันที


ที่อาวุธเข้าสู่เป้าหมาย 



  "  บัดซบ เจ้าลูกเต่า มันหายไปที่ใด "  ทวนคู่ลมกรด แค่นเสียงสบถออกมา


  "  นั่นสิ  ข้าพเจ้าเข้าใจว่าแทงถูกมัน   "   กระบี่งูเขียวกล่าวขึ้นบ้าง แต่แล้ว


ต้องตกใจเมื่อเห็นโค่วหย่งเทียน ยืนอยู่ด้านข้างห่างออกไปเจ็ดก้าว  


     "  บิดาเถอะ หรือ ว่าเราท่านเมาจนตาลาย "


    "  มิว่ายังไงข้าพเจ้า ขอลงมือก่อน " ทวนคู่ลมกรด เมื่อเห็นโค้วหย่งเทียน 


ปรากฏกายที่ด้านข้าง แม้ยังมึนงงว่าโค้วหย่งเทียนใช้ฝีมือใด จึงหลุดรอดคม

ทวนมรณะของตนไปได้ แต่เพลิงราคะปราถนา ครอบงำจิตสำนึก ใคร่ได้เชย

ชมหญิงงาม จึงพุ่งเข้าหาโค่วหย่งเทียนเป็นคำรบสอง ฝ่ายกระบี่งูเขียวนึกขุ่น

ใจที่ทวนคู่สายลม ลอบลงมือก่อนตนทุกคราไป จึงทะยานท่าร่างอย่างรวดเร็ว

เข้าหาโค่วหย่งเทียน อีกหน  


   ฝ่ายจางจี่ทรวง เมื่อเห็นว่าชายคนรัก มิเป็นอันตรายอันใดก็คลายใจ ทั้งคิด


ว่าที่แท้ เขาพอมีวิชาฝีมืออยู่บ้าง แต่ก็ยังอดลอบหวาดหวั่นต่อสองโจรร้ายที่

มีฝีมืออำมหิตไม่ได้  คงได้แต่ภาวนาสิ่งศักศิทธิ์ ขอให้พระยูไลช่วยเหลือ    


    ฝ่ายโค้วหย่งเทียน อาศัยท่าร่างวิชาตัวเบา รวดเร็ว หลบรอดพ้นจากการ


กลุ้มรุมของสองจอมโจร  จึงร้องกล่าวออกไป ด้วยบัดนี้โทสะครุกรุ่นขึ้นแล้ว


        "  ขอท่าน จงรามือเถิด  ข้าพเจ้ามีขีดจำกัดความอดกลั้นอันจำกัด  "


               
    "  เจ้าพร่ำเพ้อกล่าววาจาเพ้อเจ้อ อันใด  เก็บไปกล่าวต่อยมบาลเถอะ  " 

             
    ทวนคู่ลมกรดที่ทะยานมา ร้องกล่าวออกมาพร้อม สะบัดทวนคู่เข้าครอบ


คลุมบนล่าง ด้วยท่านภาคลุมปฐพี อันเป็นท่าไม้ตายอันโหดเหี้ยมหวังให้จบ

สิ้นในกระท่าเดียว โค้วหย่งเทียนเมื่อเห็นเพลงทวนอันร้ายกาจ ทั้งกดดันทั้ง

แหลมคมพุ่งมา ปิดทางถอย จึงพุ่งกายเข้าหา   

    ฝ่ายทวนคู่ลมกรด นึกกระหยิ่มใจ ปากกล่าวว่า "  รนหาที่ตาย  " แต่โค่ว

หย่งเทียนกลับใช้เท้าสะกิดที่ปลายทวน ลอดช่องว่าง ใช้ฝ่ามือตบฟาดทวน

ด้านบน จนเบนทิศทางเข้าหากระบี่งูเขียว ที่พุ่งกระบี่มาได้ยินเสียงทวนกับ

กระบี่กระทบกัน ดังสนั่น ทั้งสองโจรยิ่งเดือดดาล โผพุ่งติดตามหมายสังหาร

อย่างไม่ลดละ  โค้วหย่งเทียนก็ใช้ท่าร่างอันรวดเร็ว หลบรอดทุกคราไป  


       ผ่านไปครู่หนึ่ง ทวนคู่ลมกรด เห็นว่าจะทำอันตรายบุรษหนุ่มผู้นี้มิได้


 จึงหมายจะชิงตัวสาวงาม แล้วลอบหนีไปเชยชม  ส่วนกระบี่งูเขียวก็มีความ

คิดดุจเดียวกัน แต่ก็เหมือนจะคิดช้ากว่าทวนคู่สายล แต่ท่าร่างวิชาตัวเบา

กลับว่องไวกว่า  โฉบเข้าถึงจางจี่ทรวงพร้อมกัน  ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วย

ความตกใจของจางจี่ทรวง โลหิตกระซ่านเซ็น ใบหน้างดงามพลันแดงฉาน

ด้วยหยาดโลหิต มีเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกขึ้น พร้อมกันนั้นมีมือมนุษย์ 

คู่หนึ่ง ที่ขาดกระเด็นจมน้ำไป  ร่างทั้งสองโจร ต่างนอนแน่นิ่งดวงตาเบิก

โพลง ด้วยความแตกตื่นสงสัยมิเข้าใจ ที่ริมบึง  

       
     ด้วยทั้งนี้ ผู้ที่มาถึงจางจี่ทรวงก่อน เคลื่อนไหวทีหลังกลับบรรลุถึงก่อน 


คือโค้วหย่งเทียนนั่นเอง  หากแม้นจอมโจรทั้งสอง มิได้ตกอยู่ในความครอบ

งำของ เพลิงแห่งราคะ  ก็อาจจะมีจิตสำนึกได้คิดว่า ตนกำลังได้ล้อเล่นกับ

อยู่พญามัจจุราช  ผู้รอรับวิญญาณ คนชั่วช้าอย่างพวกตน เช่นนั้นคงมิมีสภาพ

อันน่าอนาถแล้ว
 

               

             

 ราคะแม้ร้อนแรงดั่งเพลิงกัลป์ แต่มีผู้คนมิน้อย ที่ยินยอมถูกแผดเผา







 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น