วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ดาบคลั่งโลหิต ตอน 7 สายฟ้าพิโรธ





                                                  สายฟ้าพิโรษ



                       


  

    เรือนคุมขังนักโทษชั้นดี ผู้คนต่างประหลาดใจ ต่อสภาพของจางจี่ทรวง


ที่มีโลหิตที่เกาะอยู่ตาม ชุดและใบหน้าบางส่วน ที่ยังล้างออกไม่หมด  ทั้งนี้

เพราะโค่วหย่งเทียน รีบนำพานางกลับมา  ด้วยเห็นว่าสถานการณ์ มิสู้ดีนัก

เนื่องจากตนบรรดาลโทสะ ถึงขนาดลงมือทำร้ายคนจนสาหัส นี่นับเป็นครั้ง

แรกในชีวิตที่ตนลงมือรุนแรง ถึงแม้โจรทั้งสองมิถึงตายแต่ก็ทรมาน  ทำให้

โค่วหย่งเทียนอดสะท้านใจมิได้ นี่ขนาดตนยังมิได้ลงมือ เข่นฆ่าล้างแค้น

ศรัตรู  ยังสะท้านใจถึงขนาดนี้    หรือว่าเราจิตใจยังมิเข้มแข็งพอ เราควรทำ

เช่นใด ต่อไปสองมือเราจะแปดเปื้อนโลหิตมากมาย อีกสักเท่าใด เราจะ

ทานทนได้หรือไม่หนอ ไม่..ไม่..เราต้องมิใจอ่อน กับพวกคนชั่วช้า 


   พลันเสียงของจางเจี้ยนจง ก็ดังขึ้น ปลุกโค่วหย่งเทียนให้ตื่นจากภวังค์

ความคิดอันสับสน 


       "  เกิดเรื่องใดขึ้น เรื่องราวเป็นเช่นใด เล่าให้เราฟังโดยไว "   


   โค่วหย่งเทียนจึงหันไปสบตาจางจี่ทรวง เป็นเชิงปลอบโยน ด้วยตนจะเล่า

ถึงเหตุการณ์ระทึกขวัญนั้นอีกครา ซึ่งบัดนี้สายตาของนาง ได้ปรากฏแววแห่ง

ความรักความเชื่อมั่นอันเต็มเปี่ยม ว่านางรักคนมิผิด ทั้งนางยังได้รับรู้แล้วว่า 

ชายอันเป็นที่รักตน นั้นเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง


    โค่วหย่งเทียนได้เล่าเหตุการณ์ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่งำส่วนที่ตนได้ลงมือ

ตัดมือ และใช้วิชาจี้สกัดจุดอันร้ายกาจ ห้ามโลหิตและทำอันตรายดวงตาข้าง

ขวา ของทั้งสองโจร


    จางเจี้ยนจงและทุกคน ได้ฟังถึงกลับเดือดดาล แช่งชักหักกระดูกสองจอม

โจรหื่นราคะ


  " น้องหย่งเทียน ตอนนี้พวกมันอยู่ที่ใด เดี่ยวผู้พี่จะไปจัดการกับพวกมันเอง"
 คุณชายฉินเฉียว กล่าวด้วยท่าทีเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เสียงดังกรอดๆ  


   "  ใช่ข้าพเจ้า จะตามไปหักแขน ควักลูกตามัน  "  มือปราบหวงเซิง กล่าว
เสริมด้วยท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือ ส่งเสียงลมหายใจดังฟึดฟัด 


    " ช่างเก่งกล้า สามารถกันจริง ออกจากที่นี่ไปให้ได้ก่อนเถอะ  "  เสียงของ
บัณฑิตหน้าขาวแววมา


    พอได้ยิน คุณชายฉินเฉียวถึงกับ หันขวับถลึงตาใส่  แค่นเสียงกล่าวออกไป

      "  เฮอะ เชื่อหรือไม่ 
ตอนนี้เราสามารถทำสิ่งหนึ่งได้  
 คือเอาโลหิตออกจากปากสุนัขเจ้าได้  "


   
   " พออาการบาดเจ็บดีขึ้น ก็ทำปากกล้าเชียว  หรือเรา เกาหลี่ซัน กลัวเจ้า "   

  กล่าวจบบัณฑิตหน้าขาวก็ถลึงตาจ้องใส่บ้าง ทั้งสองต่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน


   " เอาอีกแล้วท่านทั้งสอง  เฮ้อ  " ขุนนางแซ่ตู้  ทอดถอนใจด้วยความระอา
แล้วกล่าวขึ้นว่า


     "  ตอนนี้หน้าสิ่วหน้าขวาน พวกเราต้องร่วมแรงสามัคคีกัน 
หากทางออกจากคุกโจรแห่งนี้  "


  " ใช่แล้วท่าน ตู้  กล่าวถูกต้องแล้ว เราต้องปรองดองกัน  "   จางเจี้ยนจง
กล่าวเสริม


     โค่วหย่งเทียนจึงลุกขึ้นประสานมือ กล่าวขอบคุณ 

     " ข้าพเจ้า โค่วหย่งเทียนซาบซึ้งยิ่งนัก กับความห่วงใยของทุกท่าน
 ส่วนโจรร้ายได้ถูกข้าพเจ้าพลั้งมือ ทำร้ายเพราะบรรดาลโทสะ  คาดว่า
 คงนอนอยู่ที่บึงมังกร  "


     "  เทียนกอกอ ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าท่านได้รับบาดเจ็บ  "

 จางจี่ทรวงถามชายคนรักของตนด้วยความห่วงใย  เมื่อสังเกตุุเห็นใบหน้า 
ของโค่วหย่งเทียนหม่นหมอง


        ทุกคนเมื่อได้ยิน ต่างเหลียวมองมายังโค่วหย่งเทียนเป็นเชิงไถ่ถาม 

โค่วหย่งเทียนจึงกล่าวขึ้นว่า


    "  ข้าพเจ้ามิได้รับบาดอันใด เพียงครุ่นคิดว่า ข้าพเจ้าใช่ลงมือ
ต่อสองโจรหนักไปหรือไม่ "

  
     ทุกคนพอได้ฟังต่างครุ่นคิดว่า บุรุษหนุ่มผู้นี้เป็นผู้มีจิตใจดีงาม บางคน

กลับคิดว่าบุรุษผู้นี้ ช่างเป็นผู้ที่อ่อนต่อโลกโดยแท้ ในสภาพบ้านเมืองที่ชิง

ดีชิงเด่น ในยุทธภพก็ดุจเดียวกัน เป็นลักษณะปลาใหญ่กินปลาเล็ก  ผู้ที่มี

ความเข้มแข็งจึงอยู่รอด ผู้อ่อนด้วยต้องมอดม้วยลง  บางทีความเมตตา มิ

อาจใช้ได้กับคนบางประเภท หนำซ้ำอาจเป็นชนวนเหตุ ชักนำเภทภัยมาสู่

ตัวก็เป็นได้

   

      "  คุณชายโค่ว การมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์นั้นเป็นสิ่งประเสริญ 
แต่ต้องให้ถูกที่ ถูกกาล และถูกคน  "

 ขุนนางตู้ฉวน กล่าวขึ้น  ทุกผู้คนต่างพยักหน้าเห็นด้วย  


      " คุณชายโค่ว ท่านมิควรใจอ่อนกับพวกโจรร้าย ด้วยมันเพียงคนเดียว
อาจทำลายชีวิตผู้คนอีกมากมาย  "

  บัณฑิตหน้าขาวกล่าวเสริม ทุกผู้คนต่างเห็นด้วยกับคำกล่าวของ บัณทิต

หน้าขาว 


     "  นี่นับว่าเจ้ากล่าวเป็นผู้เป็นคน กับเขาเหมือนกัน "  เสียงคุณชายฉิน
เฉียวดังมา 

  ครั้งนี้เป็นคราแรกที่ทั้งสองมีความเห็นตรงกัน แต่มิวายที่บัณทิตหน้าขาว

จะแค่นเสียงขึ้นคราหนึ่ง


          โค่วหย่งเทียนจึงกล่าวขึ้น ว่า

   
     " ข้าพเจ้าขอบคุณทุกท่านที่ชี้แนะ  ต่อไปข้าพเจ้าจะไม่ลังเลกับพวก
คนชั่วร้าย และพวกที่คิดร้ายต่อจี่ทรวงอีกแล้ว  "  


    เมื่อกล่าววาจาออกมา ทุกคนต่างเห็นสีหน้าอันจริงจัง ดวงตาเป็นประกาย

ขึ้นวูบหนึ่ง ของโค่วหย่งเทียน จนสร้างความเหน็บหนาวแก่ทุกผู้คน บัณฑิต

หน้าขาวถึงกลับสดุ้งใจ ครุ่นคิดในใจ  คนผู้นี้มีประกายตาคมกล้า ประดุจดั่ง

คมดาบอันคมกริบ โชคดีที่ตนมิได้ ไปเกาะแกะภรรยาของมัน คิดแล้วยังรู้สึก 

อดเสียวสันหลังวูบมิได้ จนต้องลอบปาดเหงื่อ

    
    แต่แล้วพลันมีเสียงฝีเท้าของผู้คนมากมาย จากหน้าประตูห้องพร้อมกับ

เสียงร้องตวาด
      
   "  ผู้ใดมันบังอาจ ทำร้ายน้องของข้า  จงไสหัวออกมารับความตาย   " 


   
     ผู้คนภายในห้องต่างพากันเหลียวมอง  ด้วยความหวาดหวั่น เมื่อมีพวก

โจรมากมายเข้ามา  มือปราบหวงเซิง ถึงกับลอบคร่ำครวญในใจ วันนี้ดูท่า 

น่าจะเกิดเรื่องใหญ่ เพียงจอมโจรหัวเหล็กผู้เดียว ยังทำให้ปวดเศียรเวียน

เกล้า ผีสางอันใดทำให้เหล่าจอมโจร ชื่อดังทั้งสิบสองค่าย มารวมตัวกัน 

นี่ใยมิทำให้ผู้คน ขวัญหนีดีฝ่อดอกหรือ จึงรีบหันไปกระซิบ ถามโค่วหย่ง

เทียนว่า

        
     " คุณชายโค่ว ที่แท้ท่านไปทำร้ายผู้ใดกันแน่ พวกมันถึงได้ยกโขยง
 กันมาทั้งคอก ถึงเพียงนี้  "


    มิทันที่โค่วหย่งเทียนจะกล่าวตอบ บรรดาสมุนโจรห้ามร่างสองรองหัว

หน้าโจร ที่มีสภาพทุลักทุเล ข้อมือขวาที่ขาดนั้น ถูกพันไว้ด้วยผ้าอย่างดี 


แต่ตาข้างขวายังบวมปูดปิดสนิท  ต่อจากนั้น เป็นบรรดาหัวหน้าค่ายโจร  

ทั้งสิบสองค่าย ต่างทยอยเดินเข้ามาภายในห้อง สร้างความกดดันดุจดัง

ว่ามีพลังอันมหึมา กดดันโถมทับเข้ามา ทำให้ทุกผู้คนภายในห้อง รู้สึก

อึดอัด แทบหายใจมิออก     คุณชายฉินเฉียวเป็นคนแรกที่กล่าวขึ้น 

 
   "  ลมอันใดเล่าหอบ หัวหน้าค่ายโจรชั่วช้าทั้งสิบสอง มาถึงที่นี่  " 


   "ดูเหมือนอาการบาดเจ็บของ เจ้าจะดีขึ้นแล้ว  จึงปากกล้านัก  " 
 จอมโจรหัวเหล็ก กล่าวพร้อมกับเหลือกตามองคุณชายฉินเฉียว ด้วย
ความขุ่นเคือง


  " หนึ่งฝ่ามือ ที่ท่านประทานมา ข้าพเจ้าฉินเฉียว ย่อมต้องทวงคืนแน่  " 
คุณชายฉินเฉียว ถลึงตาแค่นเสียงกล่าวตอบกลับไป ทั้งตื่นตัวตั้งท่ามั่น
เตรียมสถานการ์


      
      " เดี่ยวก่อนพวกท่าน ตอนเราต้องการสะสางเรื่องราวของน้องเรา
ก่อน เรื่องอื่นเรามิสนใจ  " กระบี่จงอางกล่าว

   
   ขึ้นทวนคู่สยบฟ้า ผงกศรีษะเห็นด้วย หันไปเรียกสมุนโจร ค่ายพยัคฆ์ขาว

ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ ให้ออกมาชี้ตัว ผู้ที่ลงมือทำร้าย กระบี่งูเขียวฝูเคอ และ

ทวนคู่สายลม ซ่งอู่ น้องชายของตน 

    
     ขณะที่สมุนโจรผู้นั้น กำลังกวาดสายตา หาตัวโค่วหย่งเทียน  คุณชาย

ฉินเฉียนได้ก้าวเดินออกมา แล้วกล่าวว่า 
     
  
  "  เฮอะ สำหรับโจร ราคะอย่างพวกมันทั้งสอง ใครๆ ล้วนมีสิทธิฆ่าฟัน  "


           
 " เจ้าว่าอะไรนะ  " จอมโจรกระบีจงอาง จอมโจรทวนคู่สยบฟ้า แทบร้อง
ออกมา ด้วยความเดือดดาล พร้อมกัน


   "  เจ้าเป็นตัวอะไร ถึงกล้าสามหาว ต่อหน้าเรา  " จอมโจรทวนคู่สยบฟ้า
ถลึงตา ร้องตวาดกล่าวขึ้น


  " แล้วพวกเจ้าล่ะเป็นตัวอะไร ก็พวกโจรชั่วช้าสามานย์ " คุณชายฉินเฉียว 

ถลึงตาแค่นเสียงกล่าวตอบ


    สมุนโจรของทวนคู่สยบฟ้า ผู้หนึ่งเห็นว่ามีผู้ลบหลู่เจ้านายตน ทั้งต้องการ

ประจบเอาใจเจ้านาย จึงโถมดาบฟันใส่คุณชายฉินเฉียว แต่ผู้ที่จบชีวิตกับเป็น

ตัวมันเอง เห็นเพียงคุณชายฉินเฉียวสลัดคาบโลหิต ที่ติดตามคมกระบี่ สอด

เข้าฝักด้วยใบหน้าเฉยชา ท่าร่างในการช่วงชิงกระบี่จากสมุนโจรผู้ยืนอยู่ใกล้

การชักกระบี่สังหารมือดาบสมุนโจร อย่างรวดเร็วภายในพริบตา  นับว่าดึงดูด

ความสนใจเหล่าหัวหน้าโจร และผู้คนมิใช่น้อย


    เชลยทุกผู้ที่อยู่ในห้อง เมื่อเห็นกระบวนท่ากระบี่ ของคุณชายฉินเฉียว ต่าง

ใจชื้น  มีความหวังขึ้นมา แต่อดกังวลมิได้ ด้วยบัดนี้กลับมียอดจอมโจรถึงสิบ

สองคน ปรากฏตัวขึ้น ความหวังการหลบหนีนับว่าแทบหมดสิ้นไป

             
     "  สมแล้วที่มีฉายา กระบี่ลมกรดฉินเฉียว ชักกระบี่ว่องไวนัก  "  

    เสียงกล่าวของจอมโจรกระบี่คุนลุ้น ฉินอ้าวทง  


        " ฉินเฉียว เจ้ากล้าลงมือต่อหน้าบิดา คงต้องการเตือนความจำฝ่า
อีกฝ่ามือของบิดาอีกกระมัง  "  

   จอมโจรหัวเหล็กร้องตวาดขึ้น ก้าวเดินเข้าหาคุณชายฉินเฉียว ด้วยตน

เป็นเจ้าถิ่น เมื่อมีคนเหยียบหางจำต้องขู่คำรามประกาศศักดิ์ดา  

    
       
       " มาเลยเจ้าโจรชั่ว คราก่อนบิดาหลงกล ลูกไม้เจ้า 
ครานี้ เฮอะ อย่าหวัง   " คุณชายฉินเฉียวกัดฟันแค่นเสียง ตั้งท่ากระบี่ ทั้ง

เร่งเร้าพลัง เข้าสู่ตัวกระบี่เตรียมพร้อม 



 
  "  ช้าก่อนท่านหัวหน้า ทิ  สิ่งสำคัญตอนนี้คือ ให้ผู้ที่จี้สกัดจุด
รองหัวหน้า
     ทั้งสองมาคลายจุดก่อน ถ้าปล่อยให้เนิ่นนานไป เกรงว่าอาการ ทั้งสอง
     คงยากเยียวยา  "  

 
    เสียงของจอมโจรนักพรตกระบี่ เต่าดำสามสวรรค์ กล่าวขึ้น ทำให้จอมโจร

หัวเหล็ก หยุดชงัก แล้วร้องด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมกล่าวขึ้นว่า  


      "  ผู้ใดที่ทำร้าย รองหัวหน้าค่ายทั้งสองจงออกมา 
มิฉะนั้นวันนี้ จะเป็นวันตายของทุกคน  "

         
    เมื่อเสียงประกาศกร้าวของจอมโจรหัวเหล็ก จบลง เชลยที่อยู่ในห้องต่าง

 หวาดหวั่นตกใจหน้าซีด ส่งเสียงอื้ออึง

 
     " ที่แท้ผู้คุณชายโค่วทำร้าย คือสองรองหัวหน้า ค่ายมังกรสยบฟ้า
และค่าย จงอางทอง ดอกหรือนี่  "

     เสียงของมือปราบหวงเซิงและ เชลยทุกผู้คนดังพรึมพรำทั้งตื่นตระหนก
    
        
        ขุนนางตู้ ฉวน พอฟังถึงกลับหน้าเสีย คราแรกตนคาดว่า จะใช้เงินทอง

ไถ่ตัว แต่ตอนนี้ สถานการณ์กลับยิ่งเลวร้าย ฟังว่าตอนนี้พวกโจร ต้องการแก้

แค้น  โดยเฉพาะจอมโจรหัวเหล็กเพื่อรักษาหน้าของตน รักษาความสัมพันธ์ 

กับค่ายโจรต่างๆ ถึงขนาดมิใยดี ตัดใจละทิ้งทรัพย์สินเงินทองที่จะได้จากค่า

ไถ่ตัวของพวกตน  มุ่งหมายสังหารผู้คนเพื่อเอาใจ เหล่าบรรดาค่ายโจรต่างๆ




                   อาทิตย์ฉายแสง แล้วลาลับขอบฟ้า หมุนเวียนวน

                  ทุกสรรพสิ่งเมื่อมีเกิดขึ้น ย่อมต้องมีการดับสูญสิ้นไป   


   ท่ามกลางสถานการณ์อันตรึงเครียด โค่วหย่งเทียนค่อยๆแหวกผู้คน ก้าวเดิน

ออกมา ในอ้อมแขนโอบอุ้มจางจี่ทรวง ถึงแม้สีหน้าของนางจะบ่งบอกถึงอาการ

หวาดหวั่นวิตก แต่หาได้ทำให้ความสวยซึ้ง ลดน้อยด้อยลงไปแต่ประการใดไม่ 

 
   เหล่าหัวหน้าค่ายโจรและสมุน  พอได้เห็นถึงกลับตกตะลึง โอ้โลกนี้ไฉนยังมี

สตรี ที่สวยซึ้งงดงามสะคราญโฉม งดงามดั่งเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ปานนี้ เหล่า

โจรที่เคยลอบตำหนิ สองรองหัวหน้าโจรว่าเป็นปีศาจราคะ  ก่อนหน้านี้ต่างต้อง

ลอบกล้ำกลืนน้ำลายตนเอง ครุ่นคิดใหม่  หากแม้นเป็นตน แม้จะต้องแลกด้วย

ชีวิต เพื่อให้ได้ครอบครองนาง พวกตนก็ยินยอม
   
   

           "  เป็นข้าพเจ้าพลั้งมือ ทำร้ายคนทั้งสองเอง  "


       

      เสียงของโค่วหย่งเทียน  ดังขึ้นทำลายความเงียบงัน ที่ถูกอำนาจความงาม 

ของจางจี่ทรวงสะกดไว้ ทั้งยังรู้สึกมิค่อยพอใจ ที่เหล่าโจรต่างจ้องมองดูฮูหยิน

ของตน ฝ่ายจางจี่ทรวงเมื่อเห็นสายตาอันหื่นกระหายของเหล่าจอมโจร ให้รู้สึก

สะท้านหวั่นหวาด จนต้องรีบหลบสายตาลงต่ำ กอดกระชับวงแขนของโค่วหย่ง

เทียนไว้แน่น จนโค่วหย่งเทียนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้น จึงเอ่ยปลอบโยนนาง ว่า

  
     
 " ทรวงเอ๋อ ข้าพเจ้าจะปกป้องท่าน และจะพาท่านออกไปจากที่แห่งนี้โดยไว "



   บรรดาเหล่าจอมโจรทั้งหลายและสมุน เมื่อเห็นโค่วหย่งเทียนและจางจี่ทรวง

ทั้งคู่ส่งสายตา อันหวานซึ้งให้แก่กัน  ต่างรู้สึกอิจฉาจนโทสะประดัง ที่ทั้งสอง

ทำราวกับว่า ณ ที่นี้ไร้ซึ่งพวกตน 


         
      " มันจะมากไปแล้ว เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ " เสียงของจอมโจรทวนคู่
สยบฟ้าดังขึ้นด้วยใบหน้าถมึงทึง


 " เจ้าใช้ฝีมือชั่วร้ายอันใด ทำร้ายน้องของข้า จงรีบแก้ไขโดยไว " กระบี่จงอาง
แค่นเสียงกล่าวพร้อมชี้ฝักกระบี่ ข่มขู่คุกคามไปยังโค่วหย่งเทียน 

    

   "  จะขอร้องผู้อื่นก็ควร กล่าวว่าจาให้ดีหน่อย  " 

   เสียงของบัณฑิตหน้าขาว แว่วดังมา จอมโจรกระบี่จงอางหันขวับ มาทางต้น

เสียง แล้วจ้องหน้าถมึงทึง รังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมา จนทำให้บัณฑิตหน้าขาว

เกาหลี่ซัน  แทบหุบปากมิทัน

     
        จอมโจรหัวเหล็กพลันแค่นเสียงกล่าวออกไปว่า


           " หากเจ้ารู้สถานการณ์ จงรีบลงมือแก้ไขรองหัวหน้าทั้งสอง 
 บางที เราอาจจะมิให้พวกเจ้าตายอย่างทรมาน  "

    กล่าวจบก็จ้องมองไปยังโค่วหย่งเทียน 


      หลังจากส่งจางจี่ทรวงให้แก่บิดานาง  โค่วหย่งเทียนจึงเดินตรงไป

คลายจุดให้รองหัวหน้าค่ายโจรทั้งสอง  โดยใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลาง จี้ไปที่

ขมับขวา จนทั้งให้สองโจร สามารถกลับมามองเห็น และลุกนั่งได้อีกครั้ง  

เมื่อทั้งสองมองเห็นโค่วหย่งเทียน ต่างสะดุ้งตกใจสุดขีด ดุจดั่งเห็นพญา

มัจจุราช  ปากตะโกนร่ำร้องได้ คำหนึ่ง  ก็ตะเกียกตะกายหมายลุกขึ้นวิ่ง

หนี  จนทวนคู่สยบฟ้า และกระบี่จงอางต้องรั้งตัวไว้แทบมิทัน 
             

     คนทั้งปวงต่างมองดูสภาพ อันน่าอนาถของทั้งสอง ต่างต้องถอนใจ  

ทั้งคู่เป็นระดับรองหัวหน้าโจรที่เข้มแข็งดุดัน ฝีมือสูงเยี่ยม ชื่อเสียงโด่งดัง 

ผู้คนต่างหวาดกลัว  แม้แต่เหล่าทหารเป็นร้อยเป็นพัน ยังต้องเข็ดขยาดต่อ

จอมโจรทั้งคู่ แล้วบุรุษหนุ่มหน้าอ่อนผู้นี้เป็นผู้ใด ไฉนมิเคยปรากฏชื่อเสียง

มาก่อนในสารระบบ วงการนักเลงบู๊ลิ้ม ถึงกลับทำให้สองจอมโจร ผู้เกรียง

ไกร หวาดหวั่นแทบเสียสติได้ 


    จอมโจรฝ่ามือมหากาฬ นับว่าคร่ำหวอดในวงการนักเลงมาอย่างโชกโชน  

เห็นท่วงท่าอันปลอดโปร่งของโค่วหย่งเทียน ทั้งหาได้มีท่าทีหวาดหวั่น ต่อ

เหล่าสิบสองจอมโจรอันโด่งดัง ที่ผู้คนเพียงได้ยินชื่อต่างหวาดกลัวขวัญหนี

ดีฝ่อ  จึงคิดจะสืบสาวที่มาที่ไป ของโค่วหย่งเทียนก่อนแล้วค่อยลงมือ ก็ยัง

ไม่นับว่าสาย  ซึ่งความคิดนี้ ตรงกลับเหล่าหัวหน้าโจรทั้งหลาย ด้วยคนที่ลง

มือ สยบต่อสองจอมโจรอันมีฝีมือที่กล้าแข็ง นับว่าระดับฝีมือสูงส่งจนมิอาจ

จะดูแคลนได้  เมื่อเห็นจอมโจรฝ่ามือมหากาฬ กล่าวต่อโค่วหย่งเทียน ทั้ง

หมดจึงนิ่งฟัง

  

        " ผู้เยาว์เจ้ามีนามว่าอะไร วิชาจี้สกัดจุดของเจ้าเป็นของสำนักใด
 เป็นผู้ใดผู้สอนสั่งเจ้า  "

  จอมโจรฝ่ามือมหากาฬ ยิงคำถามแรก ก็มุ่งสู่ประเด็นเป้าหมายที่ไปที่มา 
     

       โค่วหย่งเทียนจึงกล่าวตอบไปว่า


     " ท่านผู้อาวุโส ข้าพเจ้า โค่วหย่งเทียนเป็นชาวป่าชาวดอย 
       อันวิชาจี้สกัดจุดนั้นเป็นวิชาพื้นๆ มิได้เป็นของสำนักใด ส่วน
       อาจารย์ข้าพเจ้าก็เป็นชาวป่าชาวเขา  " 

 กล่าวแล้วยิ้มขึ้นเล็กน้อย ด้วยรู้สึกว่าฝ่ามือมหากาฬ กล่าวแต่โดยดี 


  " อืม  เจ้ารู้จักหัวหน้าค่ายทั้งสิบสอง หรือไม่ " ฝ่ามือมหากาฬถามต่อ


      "  ขออภัย ผู้เยาว์มิเคยทราบมาก่อน ว่ามีค่าย 
หรือได้ยินชื่อจอมโจรโจรอันใดไม่  "  โค้วหย่งเทียนกล่าวตอบ      

   ด้วยความจริงหลายปีนี้ ตนทุ่มเทมุ่งมั่น พากเพียรฝึกฝน วิชาอย่างหนัก 

อยู่ในป่าลึกจึงมิอาจล่วงรู้ เรื่องราวของโลกภายนอกมากนัก ทั้งอาจารย์

ก็มิเคยเอยถึง
       

       
     "  บัดซบเจ้าทารก มัวไปมุดหัวอยู่ที่ใด ถึงมิได้รู้จักชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่
ของเราดาบใหญ่ตรีทูต โต้วม่อจื่อแห่งผาตรีทูต  "  

    เสียงของดาบใหญ่ตรีทูตโต้วม่อจื่อ ตวาดมาด้วยความเกรี้ยวกราด   


     แว่วเสียงดัง หึ หึ ของบัณฑิตหน้าขาวและคุณชายฉินเฉียวที่นิ่งฟังใคร่

อยากรู้ความเป็นมาของโค่วหย่งเทียนเหมือนกัน ด้วยสังเกตุเห็นลักษณะท่า

ทาง ของโค้วหย่งมิธรรมดา แฝงไว้ซึ่งความองอาจผ่าเผย น่าเกรงขาม   


  "  มีอะไรน่าขำ รึ เจ้าลูกเต่าสองตัว " ดาบใหญ่ตรีทูต เกรี้ยวกราดหาที่ลง 

     
         
         
        ฝ่ายนักพรตกระบี่เต่าดำสามสวรรค์ ที่นิ่งฟังมานานจึงกล่าวขึ้นว่า


 " ในเมื่อเจ้ามิ บอกสังกัดสำนักอาจารย์ อย่าหาว่าพวกเราโหดเหี้ยมมิปราณี " 


      
 " เฮอะ..มิเคยได้ยินว่าจอมโจรผู้โฉดชั่วมีความปราณี " เสียงคุณชายฉินเฉียว 
ดังแว่วมาอีกครา

            
   

  " บังอาจมาเล่นลิ้น ตีฝีปากกับเล่าฮู้ รนหาที่ตาย "  นักพรตกระบี่เต่าดำสาม

สวรรค์แค่นเสียง  ประกายกระบี่เล่มหนึ่งพุ่งออกจากกระดองเต่าดำกลางหลัง 

ของนักพรตกระบี่เต่าดำสามสวรรค์  แล้วพุ่งเข้าหา คุณชายฉินเฉียวกรีดไปที่

ไหล่ซ้ายเป็นแผลยาว โลหิตไหลย้อยไปตามท่อนแขน ถึงแม้คุณชายฉินเฉียว 

จะมีฉายากระบี่ลมกรด แต่ความไวของกระบี่  นับว่าห่างจากนักพรตเต่าดำสาม

สวรรค์อยู่หนึ่งขั้นครึ่่ง  


     การลงมือครานี้นับว่าสะกดผู้คน ทั้งยังเป็นการข่มขวัญเหล่าหัวหน้าโจร 

ที่จะหมายช่วงชิงตำแหน่งประมุขสมาพันธ์กับตน 


      โค่วหย่งเทียนรีบจี้สกัดจุดห้ามโลหิต ให้คุณชายฉินเฉียว จนโลหิตนั้น

หยุดไหล  ทำให้ผู้คนต่างฉงนใจในวิชาจี้สกัดจุดอันเลอเลิศ


   "  สำหรับการบาดเจ็บของสองท่านนั้น เป็นเพราะทั้งสองบีบบังข้าพเจ้า 
      ให้ลงมือ ด้วยพลังฝีมือของทั้งสองที่สูงเยี่ยม ทุกกระบวนท่าล้วนมุ่ง
      จุดตาย  หากแม้นมิลงมือป้องกัน ข้าพเจ้าก็อาจเป็นอันตรายได้ และ
      หากแม้นท่านทั้งสอง มิคิดล่วงเกินฮูหยินของข้าพเจ้า ก็คงมิมีสภาพ
      เยี่ยงนี้  "



      ทุกถ้อยคำของโค่วหย่งเทียน บ่งบอกว่าเป็นการแส่หาเรื่อง ของสอง

โจรเอง ทั้งเป็นการประกาศว่า ผู้ที่คิดล่วงเกินภรรยาของตน จะต้องลงเอย

ด้วยสภาพเยี่ยงไร    


        "  วาจาสามหาว  ฮูหยินเจ้าวิเศษเพียงใดกัน   "
         

      เสียงอันเกรี้ยวกราดของจอมโจรกระบี่จงอาง แค่นเสียงกล่าวออกมาด้วย

ความเดือดดาล มิเพียงแต่จอมโจรกระบี่จงอางเท่านั้น ยังมีเหล่าจอมโจรโจร 

หมายได้ครอบครองตัวของจางจี่ทรวง ถึงกับเดือดดาล ต่อท่าทีอันทรนงราว

กับมิเห็นพวกตนอยู่ในสายตา

  
       "  แล้วเจ้าคิดจะทำเช่นไร ต่อไป  " เสียงของจอมโจรฝ่ามือมหากาฬ

กล่าวถามโค้วหย่งเทียน ขึ้นอีกครา



                "  เดิมที่ข้าพเจ้า ตั้งใจนำพาฮูหยิน มาแช่น้ำในบึงมังกร
 บัดนี้ก็สมดังหมายแล้ว ก็ใคร่จะจากไป  "
 
             
     โค่วหย่งเทียนกล่าวตอบ ด้วยท่าทีราบเรียบ ราวกับว่าแม้นตนปราถนา 

จะไปที่ใดในโลกหล้าก็สามารถไปได้


       ทุกผู้คนที่อยู่ภายในห้อง ได้ฟังถึงกลับตกตะลึง ในถ้อยคำของบุรุษ

หนุ่มผู้นี้ คล้ายกับว่ามันปราถนาจะมาก็มา ใคร่จากไปก็ไปได้อย่างง่ายดาย

โดยมิเห็นพวกโจรอยู่ในสายตา  จอมโจรหัวเหล็กทิจือเหล็กถึงกลับแค่น

เสียงออกมาด้วยความเดือดดาลว่า

 
 
     " เฮอะ  หมายความว่าเป็นเจ้า ยินยอมให้พวกเราจับตัวมา 
เพียงเพื่อนำพาฮูหยินเจ้า มาบึงมังกร และในตอนนี้เจ้าคิดจะจากไปแล้ว  "


       
         "  เป็นเช่นนั้น จริง  " โค้วหย่งเทียนยิ้มเล็กน้อย กล่าวตอบด้วยท่าที
ปลอดโปร่ง เฉยชา


        
    คำตอบนี้กลับสร้าง ความตื่นตระหนกให้แก่ผู้คนยิ่งกว่าเดิม  ขุนนางตู้ฉวน

และเชลยทุกคน ต่างหาหนทางหลบหนี จากค่ายโจรแห่งนี้มานานปี ก็ยังหา

อาจจะสำเร็จไม่  บุรุษผู้นี้กล้าเอ่ยวาจาที่ยากแก่การเชื่อถือออกมาได ถ้ามิ

กินดีหมี ใจกล้าบ้าบิ่น ไม่ก็คงเสียสติแล้ว 

       เหล่าสิบสองจอมโจรและสมุนโจร ต่างพากันหัวเราะขบขัน ต่อวาจาของ

โค่วหย่งเทียน ด้วยคิดว่าเป็นวาจาที่เพ้อฝัน เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดจอมโจรถึงสิบ

สองคน แม้มีปีกบินก็บากที่จักหนีมิพ้นไปได้


        "  ฮ่าฮ่า  ทารกนี้แม้ใกล้จะตายแล้ว ยังมีอารมณ์ขันอีก  ฮ่าฮ่า " เสียงหัว
เราะของจอมโจรบัณทิตสองหน้าดังมา

     คิดว่าเจ้าบุรุษหนุ่มผู้นี้คงกลัวจนเสียสติ เป็นแน่  เพราะที่ตนประเมินดูแล้ว 

บุรุษหนุ่มผู้นี้คงมีฝีมือมิเท่าไหร่ การที่เอาชนะสองรองหัวหน้าโจร คงเพราะสอง

รองหัวหน้าค่ายโจรนี้ใช้การมิได้ หรือไม่บุรุษผู้นี้คงใช้กลอุบายอย่างใดอย่างหนึ่ง

เอาชัยมากกว่า 
     

   
         " เจ้าเห็นค่ายพยัคฆ์ขาวของเรา เป็นอะไร เป็นสถานที่ให้เจ้า 
  เข้าออกตามใจชอบได้งั้นรึ   "   
     
                 จอมโจรหัวเหล็กแค่นเสียงกล่าวมา


       โค่วหย่งเทียน มิอยากจะกล่าววาจาใดอีก ด้วยพวกโจรกลับเห็นว่า

วาจาของตนเป็นเรื่องขบขัน  จึงคิดว่าเราควร จะพาทุกคนออกไปจากค่าย

โจรแห่งนี้โดยไว ด้วยบัดนี้มองดูเชลยที่โดนคุมขัง แต่ละคนมีสีหน้ามิเชื่อ

ถือทั้งตื่นตระหนกกับถ้อยคำของตน  จึงกล่าวว่า


 " ท่านหัวหน้าโจร ข้าพเจ้าคิดไปแล้ว โปรดนำสิ่งของคืนแก่ข้าพเจ้าด้วย "


     "  บ่ะ  เจ้าทารกนี่ ยิ่งมายิ่งน่าขัน ฮ่า ฮ่า "  เสียงของพยัคฆ์ทมิฬ หูเป่ย

และเหล่าสมุนโจรพากัน หัวเราะจนตัวเกร็ง

 
   ฝ่ายพวกเชลย ยิ่งพากันขวัญเสีย แม้จะสังเกตุออกว่า โค่วหย่งเทียนเป็น

ผู้มีฝีมือ แต่จะสู้กับหัวหน้าค่ายโจรทั้งสิบสองคน ได้อย่างไร มิเป็นการเอาไข่

ไปกระทบหินดอกหรือ  เพียงหัวหน้าโจรคนเดียว ฝีมือยังร้ายกาจ แม้แต่คุณ

ชายฉินเฉียวที่มีฝีมือสูงสุด ในหมู่เชลย ยังพ่ายแพ้มิเป็นท่า  จางเจี้ยนจงจึง

เข้าไปใกล้ๆกระซิบถามโค่วหย่งเทียน ว่า  "  เจ้ามั่นใจแค่ไหน  "  
 
             
     " ข้าพเจ้าแม้มิเก่งกล้า แต่มั่นใจว่าสามารถพาพวกท่าน
ออกจากค่ายโจรแห่งนี้ได้  ท่านพ่อโปรดอย่ากังวล "  

 
    จางเจี้ยนจง ฟังแล้วได้แต่ผงกศรีษะ แต่สีหน้ามิมีความเชื่อมั่นแต่ประการ

ใด ผิดกับจางจี่ทรวงที่อยู่ในอ้อมแขน  กลับมีความเชื่อมั่นต่อบุรุษผู้เป็นที่รัก

ของนาง พร้อมกล่าวขึ้นว่า  


    " ข้าพเจ้าเชื่อท่าน และมั่นใจในตัวท่าน "  นางกล่าวขึ้นทางหนึ่งเป็นการ 

ให้กำลังใจชายคนรัก ทางหนึ่งนางลอบตัดสินใจ หากแม้นโค่วหย่งเทียน 

พลาดพลั้ง นางก็ขอตาย มิขออยู่สืบไป  โค่วหย่งเทียนยิ้มให้นางประสาน

สายตาอย่างลึกซึ้ง คงมีเพียงแต่นางผู้เดียวที่มีความเชื่อมั่นในตน เท่านี้ก็

เพียงพอ พอคิดแล้วก็ขึ้นกล่าวว่า 


   
               "  หากแม้นข้าพเจ้า ชนะพวกท่าน ทั้งสิบสองคนเล่า  "
 

           
        เหล่าหัวหน้าโจรพอได้ฟัง แทบมิเชื่อหูตัวเอง ว่าจะมีคนบ้าดีเดือด 

ขนาดนี้ คาดว่าบุรุษผู้นี้คงมิอยากมีชีวิตสืบไป     

       

      "  น่าขัน  เจ้ามีฐานะอะไรมาต่อลอง  "   จอมโจรหัวเหล็กกล่าวขึ้น 


       "  เดี่ยวก่อนท่านหัวหน้าทิ เยี่ยงนี้นับว่า สร้างสีสรร
 แก่ การคัดเลือกประมุขสมาพันธ์  "บัณฑิตสองหน้าอวี้เหวินกวนซีเอ่ยขึ้น  


   " เล่าฮู้ เห็นด้วย แต่.."  นักพรตกระบี่เต่าดำสามสวรรค์ กล่าวสนับสนุน 

หยุดนิดหนึ่ง หันไปทางจางจี่ทรวง  แล้วยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย กล่าว

ขึ้นว่า


" ประมุขสมาพันธ์ จะได้ครอบครองนางงามผู้นี้ ทุกท่านเห็นเป็นเช่นไร  "

              

   
        ร้ายกาจ  เสียงของเหล่าหัวหน้าโจร ต่างลอบกล่าวในใจ ถึงกระนั้นยัง

สร้างความคึกคักให้แก่พวกตนมิใช่น้อย เหล่าบรรดาสมุนโจรต่าง โห่ร้องขึ้น

ด้วยความยินดี  เมื่อเสียงเหล่าโจรสงบลง นักพรตกระบี่เต่าดำจึงหันไปกล่าว

กับ โค่วหย่งเทียนว่า 

 
    "  หากแม้นอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก มีปาฏิหาริย์ เจ้ามีชัย   
พวกเราจะปล่อยพวกเจ้าทั้งหมดในห้องนี้ไป แต่คงมิมีทางแน่นอน ฮ่าฮ่า "





   

      การต่อสู้หมายเอาชีวิตเป็นเดิมพัน  โค่วหย่งเทียนจะสามารถ 

ฝ่าด่านเหล่าสิบสองจอมโจรยอดฝีมือได้?  แต่สำหรับเหล่าเชลย 
กลับภาวนาให้มีปาฏิหาริย์ เกิดขึ้น !
             



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น